แชร์

ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดผลิตยังไง? จากเศษไม้สู่วัสดุยอดนิยม

อัพเดทล่าสุด: 13 มิ.ย. 2025
45 ผู้เข้าชม



ในโลกของการออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่หมุนเร็วทุกวันนี้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดได้กลายเป็นชื่อที่คุ้นหูและเป็นวัสดุทางเลือกอันดับต้นๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับผู้ประกอบการโรงงานเฟอร์นิเจอร์ นักออกแบบภายใน หรือแม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไป ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์รอบด้าน ตั้งแต่ราคาที่เป็นมิตร คุณภาพที่สม่ำเสมอ ไปจนถึงความง่ายในการนำไปใช้งาน แต่เคยฉุกคิดกันไหมว่าไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดที่เราเห็นกันจนชินตานั้น แท้จริงแล้วมีที่มาที่ไปอย่างไร? จากเศษไม้ที่อาจดูไร้ค่า สามารถแปลงร่างมาเป็นแผ่นไม้มูลค่าสูงที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมได้อย่างไร?

RMC Group จะพาทุกท่านเจาะลึกถึงแก่นของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดตั้งแต่วัตถุดิบเริ่มต้น สู่กระบวนการผลิตอันน่าทึ่งที่เปลี่ยนเศษไม้ให้กลายเป็นวัสดุยอดนิยม พร้อมเผยเคล็ดลับว่าทำไมวัสดุชนิดนี้ถึงครองใจคนในวงการมาได้อย่างยาวนาน

 

 

ทำความรู้จัก "ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด" ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น


ก่อนที่เราจะไปดูขั้นตอนการผลิต เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าจริงๆ แล้วไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด (Particle Board) คืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือ แผ่นไม้ที่เกิดจากนวัตกรรมทางวิศวกรรม (Engineered Wood) โดยเป็นการนำเอาชิ้นส่วนไม้ขนาดเล็กๆ หรือที่เรียกว่า "ปาร์ติเกิล" (Particle) เช่น ขี้เลื่อย เศษไม้ที่เหลือจากการแปรรูปไม้ยางพารา ไม้เบญจพรรณ หรือไม้อื่นๆ ที่มีขนาดเล็ก มาผสมผสานเข้ากับกาวสังเคราะห์ (Synthetic Resin) หรือสารยึดเกาะชนิดพิเศษ จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนและแรงดันสูง จนได้ออกมาเป็นแผ่นไม้ที่มีความหนาแน่นและคุณสมบัติตามที่เราต้องการ


จุดเด่นที่ทำให้ ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ครองใจตลาด

  • คุ้มค่าเกินราคา หากเทียบกับไม้จริงหรือไม้อัดทั่วไปไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมงบประมาณ
  • ผิวหน้าเรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยความหนาแน่นที่กระจายตัวเท่ากันทั่วทั้งแผ่น ทำให้ผิวหน้าของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดเรียบเนียน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำไปปิดผิวด้วยวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น เมลามีน, วีเนียร์, ลามิเนต หรือแม้แต่การพ่นสี
  • แปรรูปง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการตัด เจาะ ไส หรือขึ้นรูป ก็สามารถทำได้สะดวกด้วยเครื่องมืองานไม้ทั่วไป หมดปัญหาเรื่องตาไม้หรือความไม่สม่ำเสมอของลายไม้แบบไม้จริง
  • หัวใจสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดถือเป็นการนำเศษวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมไม้กลับมาสร้างประโยชน์สูงสุด ช่วยลดปริมาณขยะและลดการพึ่งพาทรัพยากรไม้จากป่าธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นเหล่านี้เองไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดจึงถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบน็อคดาวน์ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ ผนังกั้นห้อง งานตกแต่งภายใน และส่วนประกอบอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

 


กระบวนการผลิต ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด จากเศษไม้ไร้ค่า สู่แผ่นไม้มูลค่าเพิ่ม


หัวใจสำคัญที่ทำให้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในตลาด คือกระบวนการผลิตที่ละเอียดลออและได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ
  1. การรวบรวมและเตรียมวัตถุดิบ (Raw Material Collection and Preparation)
  • เฟ้นหาวัตถุดิบ จุดเริ่มต้นคือชิ้นส่วนไม้ขนาดเล็ก ซึ่งอาจมาจากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเศษไม้ยางพาราจากสวนยาง, ไม้โตเร็วประเภทต่างๆ, เศษที่เหลือจากโรงเลื่อย หรือแม้กระทั่งไม้รีไซเคิล การเลือกใช้วัตถุดิบเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด
  • ปอกเปลือกและสับย่อย (Debarking and Chipping) หากวัตถุดิบมาในรูปแบบท่อนไม้ จะต้องผ่านการปอกเปลือกออกก่อน เพื่อกำจัดสิ่งเจือปนที่อาจส่งผลต่อคุณภาพของแผ่นไม้ จากนั้นจึงนำท่อนไม้เข้าเครื่องสับย่อย (Chipper) ให้กลายเป็นชิ้นไม้ขนาดเล็กลง (Wood Chips)
  • สร้างปาร์ติเกิล (Flaking/Particle Reduction) ชิ้นไม้ (Wood Chips) จะถูกป้อนเข้าเครื่องจักรเฉพาะทาง เช่น Flaker หรือ Hammer Mill เพื่อย่อยขนาดให้กลายเป็น "ปาร์ติเกิล" หรือ "ชิ้นไม้ฝอย" ที่มีขนาดและรูปทรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ คุณภาพของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดและความสม่ำเสมอของปาร์ติเกิลเหล่านี้นี่เอง
2. การอบแห้ง (Drying) ปาร์ติเกิลที่ได้มาใหม่ๆ จะยังมีความชื้นค่อนข้างสูง จึงจำเป็นต้องนำไปผ่านกระบวนการอบแห้งในเครื่องอบขนาดใหญ่ (Dryer) เพื่อลดระดับความชื้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม (โดยทั่วไปประมาณ 2-5%) การควบคุมความชื้นถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากความชื้นมากหรือน้อยจนเกินไป จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะของกาวและความแข็งแรงของแผ่นไม้เมื่อผลิตเสร็จ


3. การคัดแยกขนาด (Screening/Sieving) หลังจากการอบแห้ง ปาร์ติเกิลจะถูกนำไปคัดแยกขนาดด้วยระบบตะแกรงร่อน (Screen/Sieve) เพื่อให้ได้ไม้ปาร์ติเกิลที่มีขนาดสม่ำเสมอตามต้องการ โดยทั่วไปแล้ว ปาร์ติเกิลที่มีขนาดเล็กละเอียดจะถูกนำไปใช้ทำผิวหน้าของแผ่นไม้ เพื่อให้ได้พื้นผิวที่เรียบเนียนสวยงาม ส่วนปาร์ติเกิลที่หยาบกว่าจะถูกนำไปใช้เป็นแกนกลางของแผ่นไม้ เพื่อเสริมความแข็งแรงทางโครงสร้าง

4. การผสมกาว (Resin Blending) ไม้ปาร์ติเกิลที่ผ่านการคัดแยกขนาดเรียบร้อยแล้ว จะถูกลำเลียงเข้าสู่เครื่องผสม (Blender) เพื่อคลุกเคล้ากับกาวสังเคราะห์ กาวที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ ยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ (Urea Formaldehyde - UF), เมลามีนยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ (Melamine Urea Formaldehyde - MUF) หรือฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์ (Phenol Formaldehyde - PF) ซึ่งการเลือกใช้ชนิดของกาวจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติที่ต้องการ เช่น ความทนทานต่อความชื้น หรือระดับการปลดปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ (ตามมาตรฐาน E0, E1, E2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน) ในขั้นตอนนี้ อาจมีการเติมสารเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เข้าไปด้วย เช่น ขี้ผึ้ง (Wax Emulsion) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนความชื้น หรือสารหน่วงไฟ (Fire Retardants) สำหรับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยจากอัคคีภัยเป็นพิเศษ การผสมจะต้องทำอย่างทั่วถึงเพื่อให้กาวเคลือบผิวปาร์ติเกิลทุกชิ้นอย่างสม่ำเสมอ

5. การขึ้นรูปแผ่น (Mat Forming) ไม้ปาร์ติเกิลที่ผสมกาวแล้ว จะถูกนำไปโรยลงบนสายพานลำเลียงเพื่อขึ้นรูปเป็นแผ่นลักษณะคล้าย "พรม" หรือ "ผืนปาร์ติเกิล" (Mat) ที่มีความหนาและความหนาแน่นตามที่ได้กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า เครื่องจักรที่ใช้ในการขึ้นรูป (Forming Station) จะควบคุมการกระจายตัวของปาร์ติเกิลอย่างแม่นยำ โดยมักจะมีการแยกชั้นของไม้ปาร์ติเกิล คือ ไม้ปาร์ติเกิลละเอียดสำหรับทำผิวหน้าทั้งสองด้าน และไม้ปาร์ติเกิลหยาบสำหรับทำแกนกลาง เพื่อให้ได้แผ่นไม้ที่มีทั้งผิวที่เรียบสวยและแกนกลางที่แข็งแรงทนทาน

 




6. การอัดร้อน (Hot Pressing) นี่คือขั้นตอนที่เปรียบเสมือนหัวใจของการผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดเลยก็ว่าได้ แผ่นพรมปาร์ติเกิลจะถูกลำเลียงเข้าสู่เครื่องอัดร้อน (Hot Press) ซึ่งจะใช้ความร้อนสูง (ประมาณ 140-220 องศาเซลเซียส) และแรงดันมหาศาล (ประมาณ 2-3 เมกะปาสคาล) ในการอัดแผ่นพรมปาร์ติเกิลให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ความร้อนจะทำให้กาวเกิดปฏิกิริยาแข็งตัว (Cure) และยึดเหนี่ยวปาร์ติเกิลเข้าด้วยกันอย่างถาวร จนเกิดเป็นแผ่นไม้ที่มีความหนาแน่นและความแข็งแรงตามต้องการ เครื่องอัดร้อนมีทั้งแบบหลายช่องอัด (Multi-opening Press) และแบบต่อเนื่อง (Continuous Press)

7. การพักเย็นและตัดขอบ (Cooling and Trimming) หลังจากออกมาจากเครื่องอัดร้อน แผ่นไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดจะยังคงมีความร้อนสะสมอยู่สูง จึงต้องนำไปพักไว้ให้เย็นตัวลง (Cooling) จากนั้นจะนำไปตัดขอบเพื่อให้ได้ขนาดมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ (เช่น ขนาดมาตรฐาน 1220 x 2440 มิลลิเมตร) และกำจัดส่วนขอบที่ไม่สม่ำเสมอออกไป

8. การขัดผิว (Sanding) เพื่อให้ผิวหน้าของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอและได้ความหนาที่แม่นยำตามมาตรฐาน แผ่นไม้จะถูกส่งผ่านเครื่องขัดผิว (Sander) ซึ่งมักจะเป็นเครื่องขัดแบบสายพาน (Belt Sander) ขนาดใหญ่ การขัดผิวที่ดีจะช่วยให้การนำไปปิดผิวด้วยวัสดุต่างๆ ในขั้นตอนต่อไปทำได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่สวยงามยิ่งขึ้น

9. การตรวจสอบคุณภาพและคัดเกรด (Quality Control and Grading) ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดที่ผ่านกระบวนการผลิตทั้งหมดแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ซึ่งครอบคลุมทั้งการตรวจสอบความหนาแน่น ความแข็งแรง การยึดเกาะของกาว การบิดงอ ความเรียบของผิวหน้า และที่สำคัญคือปริมาณการปลดปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสากล เช่น ANSI (American National Standards Institute), EN (European Standards) หรือ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ของประเทศไทย แผ่นไม้จะถูกคัดเกรดตามคุณภาพก่อนที่จะส่งมอบถึงมือลูกค้า

10. (ทางเลือก) การเคลือบผิวหรือเพิ่มมูลค่า (Finishing/Value-Added Processing) ในบางกรณีไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดอาจถูกนำไปผ่านกระบวนการเพิ่มมูลค่าอีกขั้น เช่น การเคลือบผิวด้วยเมลามีน (Melamine Lamination) ซึ่งช่วยเพิ่มความสวยงาม ความทนทานต่อรอยขีดข่วน และความชื้น การปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ไม้จริง (Wood Veneer) เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่ดูเหมือนไม้ธรรมชาติ หรือการทำสี เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงของตลาด

 

 

 


ทำไมไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดจึงเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ?


สำหรับเจ้าของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และนักออกแบบตกแต่งภายใน การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมอบประโยชน์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

  • บริหารต้นทุนอย่างชาญฉลาด ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมาก ทำให้สามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้ในตลาด
  • คุณภาพสม่ำเสมอวางใจได้ ลดปัญหาผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานที่อาจเกิดจากความไม่แน่นอนของวัสดุธรรมชาติ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยคุณสมบัติที่แปรรูปง่าย ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน และลดการสึกหรอของเครื่องมือ
  • ปลดปล่อยจินตนาการงานออกแบบ พื้นผิวที่เรียบเนียนเหมาะกับการตกแต่งผิวทุกรูปแบบ ตอบโจทย์งานดีไซน์ที่ทันสมัยและหลากหลาย
  • ร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

RMC Group พันธมิตรที่วางใจได้เพื่อไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดคุณภาพ


ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานกว่า 32 ปี RMC Group ไม่เพียงเข้าใจกระบวนการผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดอย่างลึกซึ้งเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้มีคุณภาพสูงสุดอย่างไม่หยุดยั้ง เราใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่าจะได้รับไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดที่ดีที่สุดสำหรับทุกโครงการของท่าน

เราเชื่อว่าการแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดในครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกท่านได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของวัสดุมหัศจรรย์ชนิดนี้มากยิ่งขึ้น และตระหนักได้ว่าเบื้องหลังแผ่นไม้ที่เราเห็นกันทั่วไปนั้น คือเทคโนโลยี นวัตกรรม และความใส่ใจในทุกรายละเอียด

จากเศษไม้ที่อาจเคยถูกมองข้าม เมื่อผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยและใส่ใจในทุกรายละเอียดไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดได้พลิกโฉมกลายเป็นวัสดุที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายในยุคปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งในด้านราคาที่เข้าถึงง่าย คุณภาพที่สม่ำเสมอ ความง่ายในการใช้งาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและยั่งยืนสำหรับผู้ประกอบการและนักออกแบบยุคใหม่ RMC Group พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจของคุณด้วย ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด คุณภาพสูง หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเรายินดีให้บริการ

หากคุณกำลังมองหาวัสดุสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เรา บริษัท อาร์เอ็มซี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ไม้ปาร์ติเกิลเคลือบลามิเนต ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามีน ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวกระดาษ ไม้เอ็มดีเอฟ วัสดุปิดผิวไม้ และไม้แร็ปปิ้งต่างๆ สำหรับทำตู้เฟอร์นิเจอร์ และตู้น็อคดาวน์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 32 ปี ในอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์และการก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดและไม้เอ็มดีเอฟของเราได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างแท้จริง

ขอใบเสนอราคา ขอใบเสนอราคา : www.rmc.co.th/ใบเสนอราคา-วัสดุตู้น็อตดาวน์

สอบถามเเละสั่งซื้อสินค้าได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สามารถติดต่อ RMC GROUP ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

Call Center : 034 813 972 80

ติดต่อฝ่ายขาย : 061 980 7350

Email : info@rmc.co.th

LINE ID : @rmcgroup

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เลือกไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามีนอย่างไรให้ตอบโจทย์?
ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดวัสดุยอดนิยมในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและราคาที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามี
29 พ.ค. 2025
ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด คืออะไร? ข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ก่อนใช้งาน
ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด (Particle Board) วัสดุยอดนิยมในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายใน ด้วยไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีราคาย่อมเยาและคุณสมบัติที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
7 มี.ค. 2025
ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามีน คืออะไร? ทำไมวงการตกแต่งเลือกใช้
ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามีนคือไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดที่ถูกนำมายกระดับคุณภาพและความสวยงาม มีผิวหน้าเรียบเนียน แข็งแรงทนทาน และมีความสวยงามหลากหลายตามลวดลาย
6 มิ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ